วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

10 วิธีเรียนภาษาอังกฤษยังไงให้เก่ง

10 วิธีเรียนภาษาอังกฤษยังไงให้เก่ง
      1.มีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งเรียนหนังสือที่บ้าน จำไว้ว่าสิ่งแวดล้อมที่ดีจะช่วยให้เรามีสมาธิในการเรียน
      2.ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าจะอ่านแต่ละวิชา หรือทำการบ้านมากน้อยแค่ไหนและลงมือทำอย่างเต็มที่ จนเสร็จ
      3.บางวิชาที่ยากๆให้รวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ช่วยกันติว ช่วยกันเรียน ผลัดกันค้นคว้า ตั้งคำถาม จะช่วยให้เก่งกันยกกลุ่ม
      4.มีเวลาอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนทุกๆวัน วันละนิดวันละหน่อย ฝึกจนเป็นนิสัย อย่าตั้งใจเรียนหนังสือเป็นพักๆ
      5.ฝึกทักษะการเรียนอยู่เสมอๆ เช่น ฝึกอ่านให้เร็วขึ้น จดบันทึกเป็นระบบ จัดระเบียบความคิด และ สรุปเนื้อหาจะช่วยในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
      6.นั่งใกล้ครูมากที่สุด จะได้ไม่มีอะไรมาดึง ความสนใจในการเรียนของเรา
      7.ทำการบ้านหรือรายงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จทันเวลา ข้อนี้สำคัญมาก เพราะถ้าทำเสร็จเร็วเท่าไร จะมีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น
      8.จัดลำดับความสำคัญของวิชาที่ต้องทำ เช่น วิชาไหนด่วนที่สุด หรือหัวข้อไหนไม่เข่าใจ ต้องเรียงลำดับไว้ และ ทำ ตามให้ได้
      9.ทำความเข้าใจว่าครูผู้สอนแต่ละวิชามีการให้คะแนนอย่างไร คะแนนเก็บเท่าไร คะแนนสอบเท่าไร วางแผนทำคะแนนให้ดีในแต่ละส่วน
     10.สำคัญที่สุดในการเรียน ก็คือมุ่งมั่นตั้งใจเรียนไม่มีใครช่วยเราได้ ถ้าตัวเราเองไม่อยากเรียนเก่ง เพราะฉะนั้นจำไว้ว่า Work Smart , Not Hard

เรียนภาษาอังกฤษ อย่างไร ให้เก่ง

วิธีเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผล  (How to Learn English Effectively)
คงศักดิ์ สังฆมานนท์ (khongsaksang@hotmail.com)
1.
วิธีเรียนการฟัง (How to learn listening)

คำถาม : ทำอย่างไรจะเรียนการฟังให้ได้ผลดีอย่างรวดเร็ว
คำตอบ : ฝึก ฟังบ่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกได้ว่าคุณฟังได้ดีขึ้น รู้เรื่องเร็วขึ้น เช่น ครั้งแรกๆอาจต้องฟังถึงสามหรือเที่ยว นานๆไปจำนวนเทียวจะลดลง ถ้าฟังเที่ยวเดียวแล้วรู้เรื่องทั้งหมดแสดงว่าคุณฟังเก่งแล้ว
คำถาม : ฟังอะไร จากที่ไหน
คำตอบ
: แล้วแต่คุณต้องการ เช่น ดูหนัง(Soundtrack) ฟังเพลง ฟังบทเรียนต่างๆ ซึ่งมีแหล่งความรู้มากมาย เช่น ศูนย์การเรียนด้วยตนเอง (Self-Access Centre) ห้องสมุดเว็บไซต์เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษบนอินเทอร์เน็ต
2.วิธีเรียนการพูด (How to learn speaking)
คำถาม : ทำอย่างไรจะเรียนการพูดให้ได้ผลดีอย่างรวดเร็ว
คำตอบ
: ฝึกพูดบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถาม-ตอบในเรื่อต่างๆ
คำถาม
: พูดอะไร กับใคร ที่ไหน
คำตอบ
: แล้วแต่คุณต้องการ เช่น พูดเรื่องสัพเพเหระ(small talk) พูด คนเดียว พูดกับคนต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษ พูดกับเพื่อนหรืออาจารย์คนไทยก็ได้ แหล่งฝึกพูดมีมากมายเช่น เว็บไซต์เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษบนอินเทอร์เน็ต หรือ ทุกที่ทุกเวลา(ถ้าพูดกับตนเอง)
3. วิธีเรียนการอ่าน (How to learn reading)
คำถาม : ทำอย่างไรจะเรียนการอ่านให้ได้ผลดีอย่างรวดเร็ว
คำตอบ
: ฝึกอ่านบ่อยๆ เจออะไร(ที่เป็นภาษาอังกฤษ)ก็อ่าน อ่านแล้วควรบอกได้ว่าข้อความนั้นมีสาระสำคัญอะไรบ้าง ถ้ายังบอกไม่ได้ต้องกลับไปอ่านใหม่
4. วิธีเรียนการเขียน (How to learn writing)
คำถาม :
ทำอย่างไรจะเรียนการเขียนให้ได้ผลดีอย่างรวดเร็ว

คำตอบ
: ฝึกเขียนบ่อยๆ
คำถาม
: เขียนอะไร อย่างไร
คำตอบ
: ควรเขียนตามแบบ ในเรื่องที่คุณต้องการ เช่น เขียนจดหมาย เขียนคำนิยาม เขียนพรรณนาเหตุการณ์/สถานที่/กระบวนการ แหล่งฝึกเขียนมีมากมาย เช่น ศูนย์การเรียนด้วยตนเอง (Self-Access Centre) ห้องสมุด เว็บไซต์เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษบนอินเทอร์เน็ต หรือ ทุกที่ทุกเวลา

ความสำคัญของการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

ความสำคัญของการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและคำศัพท์ภาษาอังกฤษใน มุมมองของผู้คนในแทบทุกส่วนของโลก ความสำคัญของภาษาอังกฤษในฐานะภาษาโลกได้ปรากฏเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้เนื่องมาจากอิทธิพลทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศที่ใช้ภาษา อังกฤษเป็นภาษาพูด ซึ่งดำเนินต่อเนื่องมานานกว่า 200 ปี และสถานะของภาษาอังกฤษก็มั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลาที่ผ่านไป
จากข้อมูล ใน The Cambridge Encyclopedia of Language (Crystal, 1987) มีการประมาณว่า ผู้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่มีอยู่มากถึงประมาณ 300 ล้านคน มีผู้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอีกถึง 300 ล้านคน แล้วยังมีอีกประมาณ 100 ล้านคนที่ใช้ภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่ว อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงประมาณการอย่างต่ำเท่านั้น หากเรานับรวมไปถึงผู้ที่มีความคล่องแคล่วต่ำลงไป ผู้ใช้ภาษาอังกฤษจะมีจำนวนรวมถึงกว่าหนึ่งพันล้านคน
ผลการสำรวจของ องค์การ UNESCO และองค์การระดับโลกอื่น ๆ ยังได้เน้นให้เห็นชัดยิ่งขึ้นถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษได้ถูกใช้เป็นภาษาทางการและกึ่งทางการในประเทศกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และมีความสำคัญในประเทศอื่น ๆ อีก 20 ประเทศ ภาษาอังกฤษครองความสำคัญหรืออย่างน้อยก็มีการใช้อยู่ในทวีปทั้ง 6 ทวีป และถูกใช้เป็นภาษาหลักในหนังสือ, หนังสือพิมพ์, สนามบิน, ธุรกิจระดับสากล, การประชุมระดับสากล, วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, การแพทย์, การทูต, การกีฬา, ดนตรีป๊อป และโฆษณา นักวิทยาศาสตร์สองในสามของโลกเขียนโดยใช้ภาษาอังกฤษ จดหมายสามในสี่ส่วนในโลกนี้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ ข้อมูลในสื่ออิเล็คทรอนิคส์ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของโลกอยู่ในรูปของภาษาอังกฤษ รายการวิทยุภาษาอังกฤษมีผู้รับฟังมากกว่า 150 ล้านคนใน 120 ประเทศ เด็ก ๆ กว่า 50 ล้านคนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาเสริมตั้งแต่ชั้นประถม และอีกกว่า 80 ล้านคนเรียนในชั้นมัธยม (ข้อมูลนี้ไม่ได้รวมถึงประเทศจีน)
ข้อมูลทาง สถิติเหล่านี้ยังคงมีอีกมากมาย แต่เราอาจจะแสดงถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษได้อย่างเด่นชัดจากคำให้สัมภาษณ์ ของผู้ศึกษาภาษาอังกฤษจากหลาย ๆ ประเทศดังนี้:
‘เมื่อฉันเรียนภาษาอังกฤษจบ รายได้จากการเป็นเลขานุการของฉันจะเพิ่มขึ้นถึงเกือบสิบเท่า’
(เลขานุการฝึกงานชาวอียิปต์)
‘บริษัท ของผมวางแผนธุรกิจขนาดใหญ่กับประเทศอาหรับ พวกเราไม่มีใครพูดภาษาอาหรับได้ และพวกเขาก็ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น แผนงานและการประชุมทั้งหมดของเราเป็นภาษาอังกฤษ’
(นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น)
‘หลังจากฉันศึกษาภาษาอังกฤษ ฉันรู้สึกว่าฉันได้สัมผัสกับโลกสากลเป็นครั้งแรก’
(ครูชาวไนจีเรีย)
‘ถ้าผมต้องการติดตามเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ล่าสุดให้ทันแล้วล่ะก็ แน่นอน ผมจะต้องใช้ภาษาอังกฤษอยู่เสมอ’
(หมอชาวอินเดีย)
ใน ประเทศไทย นักเรียนนักศึกษาก็มีความสนใจที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างมากเช่นกัน ขณะที่ระบบการศึกษาตามหลักสูตรในโรงเรียนยังไม่สามารถเอื้ออำนวยให้ได้อย่าง เพียงพอ ดังจะเห็นได้จากการที่มีโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งก็สามารถตอบสนองผู้ต้องการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังคงมีจุดด้อยอยู่บางประการ เช่น ราคาค่าเล่าเรียนสูง ความไม่สะดวกในการเดินทาง การขาดแคลนบุคคลากรผู้สอนที่มีคุณภาพ ซึ่งในจุดนี้ การนำเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
ส่วน ที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษก็คือ การเรียนรู้คำศัพท์ ดังที่ Meara (1993) ได้เน้นถึงความสำคัญของเรื่องนี้เอาไว้ว่า
Vocabulary is beginning to occupy a central place in the way people learn a language. Learning words and their meanings and how they are used is increasingly seen as the key to learning a language, not just an annoying or irrelevant side activity.
(การเรียนรู้)คำศัพท์ได้เริ่ม กลายเป็นจุดศูนย์กลางของวิธีที่ผู้คนเรียนรู้ภาษา การเรียนรู้คำ, ความหมายและการใช้คำ ได้รับการยอมรับสูงขึ้นในฐานะของการเรียนรู้ภาษา ไม่ใช่เป็นเพียงกิจกรรมประกอบที่น่ารำคาญหรือไม่เกี่ยวข้อง(กับการเรียนรู้ ภาษา)อีกต่อไป ซึ่งเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถนำมาประยุกต์เพื่อใช้ในการสอนคำ ศัพท์ภาษาอังกฤษได้ โดยที่ผู้เรียนสามารถทำการศึกษาได้ด้วยตนเอง อันจะขจัดความไม่สะดวกและการขาดประสิทธิภาพของการเรียนแบบดั้งเดิมไปไ

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การท่องศัพท์ภาษาอังกฤษวันละหลายๆคำไม่ได้ช่วยให้ท่านใช้หรือเข้าใจภาษาอังกฤษได้ถูกต้องเสมอไป

นี่คือตัวอย่างการใช้คำว่า account เพื่อเป็นการสาธิตว่า แท้จริงแล้วในการเรียนรู้ศัพท์แต่ละตัวนั้น ท่านจะต้องเรียนรู้ด้วยว่าจะนำศัพท์ตัวนั้นไปสร้างประโยคได้อย่างไร มิฉะนั้นแล้วท่านอาจนำคำศัพท์นั้นไปใช้อย่างผิดๆ เมื่อพูดถึงคำว่า account หลายๆคนคงร้องอ๋อว่า “หมู” สุดๆเลย มันแปลว่า “บัญชี” แต่แท้จริงแล้วคำว่า account เมื่อรวมกับคำอื่น เป็น phrase แล้วคงได้ประมาณ 50-60 phrases หรือมากกว่านั้น และมีความหมายแตกต่างกันไปเรื่อย ๆ ถ้าพลิกแพลงรูปแบบประโยคไปมาก ๆ อาจได้หลายร้อยหลายพันรูปแบบ… ซึ่งตัวเราเองก็จำไม่หวัดไม่ไหว….แฮ่ ๆๆๆ
ลองเอาเท่าที่นึกออกตอนนี้นะ
  • He put/turned his hacking skills to good account by becoming a system security manager = เขานำทักษะในการเจาะทะลวงระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ประโยชน์ได้ โดยการทำงานเป็นผู้จัดการด้านการรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์
  • Can you account for the error? = คุณอธิบายได้ไหมในเรื่องความผิดพลาด?
  • The terrorists accounted for 5 planes. = ผู้ก่อการร้ายทำลายเครื่องบินไป 5 ลำ
  • US market accounts for 25% of our company’s export. = ตลาดสหรัฐนับเป็นจำนวน 25 % ของปริมาณการส่งออกของบริษัทของเรา
  • His wife wants him to account for every penny he spends. ภรรยาของเขาต้องการให้เขาแสดงหลักฐานว่าใช้เงินไปอย่างไรทุกบาททุกสตางค์
คำแนะนำ: ควรสรรหา dictionaries ชนิดแปลอังกฤษเป็นอังกฤษ ที่มีตัวอย่างประโยคให้ (เช่น Oxford Advanced Learner’s Dictionary หรือ Longman Dictionary of Contemporaty English) เพื่อจะได้เรียนรู้การใช้งานคำศัพท์ได้อย่างถูกต้อง ……
         พอพูดอย่างนี้แล้ว คงมีคนชูมือขึ้น (ชูกันสลอนแน่ๆ…555….) แล้วบอกว่า “ไปซื้อมาแล้วจ้า แต่พอเปิดหาศัพท์เจอแล้วอ่านคำอธิบายไม่รู้เรื่องจนมึนหัวตึ๊บเลยล่ะ จะทำไงดีอ่ะ….!!!” …..
         อ้าปัญหาทุกอย่างมันต้องมีวิธีแก้……เอาไว้คราวหน้าจะบอกให้ว่าจะแก้อย่างไร ตอนนี้ทิ้งไว้เป็นการบ้านให้คุณลองนั่งบริกรรมดูว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร

Written Skills (ทักษะในการเขียน)

         นักศึกษาหลายๆคนคงโดนอาจารย์ให้เขียน thesis หรือ dissertation เป็นภาษาอังกฤษ แล้วเกิดอาการมืดแปดด้าน (อาจจะ 64 ด้านด้วยซ้ำไป) คือเขียนออกมาได้แต่มันไม่เป็นภาษาคน อาจารย์ก็บอกว่าเอากลับไปแก้ไข บอกได้แต่ว่าต้องแก้ไขเนื้อหาอย่างไร แต่บอกไม่ได้ ว่าต้องแก้ไขข้อผิดพลาดทางด้านการใช้ภาษาอย่างไร …..!!!!??????………..เพราะถ้าบอกเรื่องหลังนี้นะ (ยิ่งบอกทุกจุดด้วย) กว่าจะบอกได้หมดทุกจุดที่เป็นข้อผิดพลาดนะ ก็สิ้นสุดปีสุดท้ายของหลักสูตรที่เรียนแล้ว ….555…..งานนี้คนเรียนก้อบ้าตายสิ…..
            ลองนั่งบริกรรมดูสิว่าจะแก้ไขอย่างไร…..??? ที่พูดเนี่ยหมายถึงลองวางแผนสิว่าจะเรียนอย่างไร เพราะที่เคยเรียนมา “มันไม่ได้ผล” แทนที่จะได้แต่ดั้นด้นเสาะหาสถานที่เรียนภาษาอังกฤษใหม่ไปเรื่อยโดยไม่รู้ ว่าจะได้ผลหรือไม่ได้ผล …….ลองคิดดูเป็นการบ้านนะ แล้วคราวหน้าจะมาบอกเคล็ดลับให้………