วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Word Usage (การใช้คำ)

1. หลักการใช้คำ
ผู้เขียนบทความเป็นภาษาอังกฤษควรสนใจหลักการใช้คำดังนี้
1.1.  รู้จักชนิดของคำ (parts of speech)
        ในการเขียนภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง ต้องรู้จักชนิดของคำ (parts of speech)
คำแบ่งออกเป็นสองชนิดคือชนิดปิด  (closed classes)  มีจำกัด และ ชนิดเปิด (open classes) มีจำนวนมากมีคำใหม่เพิ่มขึ้นตามการพัฒนาของศาสตร์นั้นๆเช่น คอมพิวเตอร์มีศัพท์ใหม่จำนวนมาก
1. Closed classes   มีจำกัด ตายตัว  ประกอบด้วยคำต่อไปนี้
        Pronoun:  he, she, it…
        Determiner: the, a, an, that, some …
        Primary verb:  Be, Have, Do
        Modal verb: can, could, will, would, shall, should
        Conjunction: and, or,  while

2. Open classes  มีจำนวนมาก มีคำใหม่เพิ่มขึ้นตามการพัฒนาของศาสตร์นั้นๆ เช่นคอมพิวเตอร์มีศัพท์ใหม่จำนวนมาก
        Noun:  เช่น  research
        Adjective: เช่น important, up-to-date
        Full verbs: เช่น  identify, propose, state
        Adverb: เช่น  significantly
        (Greenbaum  & Quirk, 1995: 16)  ตัวอย่างเป็นของผู้เขียนชุดฝึกอบรมฯ
  1.2  ใช้ชนิดของคำ (parts of speech) ให้ถูกต้อง
        ในการเขียนประโยคต้องใช้ชนิดของคำ (parts of speech) ให้ถูกต้องตามตำแหน่งในโครงสร้างของประโยค   คำนามสังเกตได้จากคำลงท้าย (suffix) เช่น  ance คำที่ลงท้าย ance มักจะเป็นคำนามเช่น significance คำคุณศัพท์สังเกตจากคำลงท้าย    ant  เช่น significant  คำกริยาวิเศษณ์สังเกตจากคำลงท้าย    ly เช่น significantly 
        รูปของคำกริยา  สังเกตได้จากคำลงท้าย   fy  identify หรือสังเกตจาก prefix เช่น dis เติมหน้าคำagree  เป็น disagree
ตัวอย่างที่ 1
      …at the significance level of 0.05
ตัวอย่างที่ 2
      The overall correlation between survivors’ practice of risk-reduction behaviours and lymphedema-related symptoms was not statistically significant. 


ตัวอย่างที่  3
On the one hand, teachers or parents can be significant mediators who pass on learning strategies to younger generation through education or child rearing…

  1.3   การรู้รากศัพท์ (roots) จะช่วยให้มีวงศัพท์มากขึ้น
      การรู้รากศัพท์นอกจากจะช่วยให้เข้าใจความหมายของคำศัพท์มากขึ้นยัง สามารถใช้คำได้ตรงตามความหมายยิ่งขึ้น เช่น  รากศัพท์ solve, solut มีความหมายว่า loosen คำศัพท์เช่น solution, solve หมายถึงแก้ปัญหา
       รากศัพท์ gress  มีความหมายว่า step, move  คำศัพท์เช่น progressหมายถึงความก้าวหน้า  regression  หมายถึงการถอยหลัง
  1.4  ใช้  affixes ให้ถูกต้องตรงความหมาย 
              affixes ประกอบด้วย prefix และ suffix
prefix คือส่วนที่ประกอบด้วยตัวอักษรเดียวหรือมากกว่า เพิ่มไว้หน้าคำเพื่อสร้างคำใหม่โดยไม่เปลี่ยนหน้าที่ของคำนั้น แต่เปลี่ยนความหมาย เช่น pre-test, post-test  มาจาก test (v, n)
              suffix คือส่วนที่ประกอบด้วยตัวอักษรเดียวหรือมากกว่า วางไว้หลังคำเพื่อสร้างคำใหม่ เปลี่ยนหน้าที่ของคำนั้น และเปลี่ยนความหมาย เช่น interview(v, n), interviewee  (n), interviewer (n).
  1.5 ในบางกรณีอาจใช้คำซ้ำ หรือคำเหมือน
        คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (synonyms) หรือคำตรงกันข้าม (antonyms) เพื่อย้ำความหรือเพื่อเน้น
  1.6 ต้องรู้จักคำที่มีความหมายตามตัวอักษรและคำที่แสดงนัยยะ (denotation and connotation)
       
ในการเขียนงานทางวิชาการต้องระมัดระวังการใช้ คำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเขียนทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ หากใช้คำที่มีนัยยะด้านลบ การวิเคราะห์หรือการเขียนก็จะให้ความรู้สึกในทางลบ หรือการให้ คำจำกัดความ (definition) ต่าง ๆ เช่น high culture/low culture ต้องระมัดระวังให้ตรงกับข้อเท็จจริงมากที่สุด บางครั้งใช้เครื่องหมาย ๆ quotation (‘ ’ )เพื่อแสดงถึงความหมายเฉพาะ หรือเพื่อต้องการเน้น ผู้เขียนควรศึกษาการใช้คำจากพจนานุกรมให้ชัดเจนก่อน
  1.7 ใช้คำ และ คำที่มักใช้คู่กัน (collocation) ให้ถูกต้อง          ในการเขียนบทความภาษาอังกฤษต้องใช้สำนวนภาษาที่ไปด้วยกันเช่น คำกริยาที่ใช้คู่กับคำนามนั้น ๆ   ผู้เขียนต้องไม่แปลตรงตัวจากภาษาไทย คำกริยาและคำนามที่มักใช้คู่กัน (verb-noun collocation) เช่น conduct the research
       Both qualitative and quantitative analyses were conducted.
  1.8 ใช้คำศัพท์ และระดับของภาษาให้ถูกต้อง   เช่น ภาษาทางการแพทย์ ภาษากฎหมาย ระดับของภาษาที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการหรือภาษาถิ่นจำกัดวงผู้ใช้
        ศัพท์วิชาการของแพทย์ พยาบาล ธุรกิจ เศรษฐศาสตร์  มีผู้รวบรวมไว้ตามศาสตร์ อาจศึกษาศัพท์วิชาการเหล่านี้จากเว็บไซต์ เช่น
  1. “Main list of AWL items with Thai/English examples”  Retrieved January 28, 2010, from http://sealang.net/thai/vocabulary/awl-2.htm   
  2. ศัพท์ทางการแพทย์ เช่น  “English for medical professional”  Retrieved February 12, 2010, from http://www.englishclub.com/english-for-work/medical-vocabulary.htm
  3. กิจกรรมฝึกฝนคำศัพท์ “Specialised vocabulary: Medical” Retrieved February 12, 2010, from, http://www.world-english.org/medicalvocabulary.htm
  4. กิจกรรมฝึกฝนคำศัพท์ Retrieved January 28, 2010, from   http://www.academicvocabularyexercises.com/#what 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น